วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เบ็นจี้




เบ็นจี้ 2005 ชื่อนี้มีแต่หมา
เบนจี้ (อังกฤษ: Benji) เป็นชื่อตัวละครหมาพันทางแสนรู้ ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์หลายเรื่องที่เขียนบท และกำกับโดย โจ แคมป์ ในช่วงทศวรรษ 1970 ถึง 1980 ภาพยนตร์เรื่องแรกในชุด ใช้ชื่อเรื่องว่า เบนจี้ เช่นเดียวกับตัวละคร ถ่ายทำที่เมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ฉายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2517 ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และได้รางวัลลูกโลกทองคำ สาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยม จากเพลง Benji's Theme (I Feel Love) ร้องโดย ชาร์ลี ริช หมาที่แสดงเป็นเบนจี้ตัวแรก ชื่อว่า ฮิกกิ้นส์ (พ.ศ. 2502 - พ.ศ. 2518) มีอายุถึง 15 ปีแล้วในขณะแสดง หลังจากภาพยนตร์ออกฉายได้ไม่นาน มันก็ตายในปี พ.ศ. 2518 และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีหลากหลายเรื่องราวซึ่งมีทั้งที่เป็นภาพยนตร์, ซีรีส์ และภาพยนตร์โทรทัศน์ ซึ่งทุกเรื่องจะมีภาพความประทับใจที่รับรองได้ว่าคนที่รักสุนัขจะต้องยิ้มทั้งน้ำตาซึ่งบางเรื่องก็ยังคงหาชมกันได้อยู่แต่บางเรื่องก็ไม่สามารถหาชมได้แล้ว
§  พ.ศ. 2517, Benji (ภาพยนตร์)
§  พ.ศ. 2520, For the Love of Benji (ภาพยนตร์)
§  พ.ศ. 2521, Benji's Very Own Christmas Story (ภาพยนตร์โทรทัศน์)
§  พ.ศ. 2523, Oh Heavenly Dog (ภาพยนตร์)
§  พ.ศ. 2523, Benji at Work (ภาพยนตร์โทรทัศน์)
§  พ.ศ. 2524, Benji Takes a Dive at Marineland (ภาพยนตร์โทรทัศน์)
§  พ.ศ. 2526, Benji, Zax & the Alien Prince (ภาพยนตร์ซีรีส์)
§  พ.ศ. 2530, Benji the Hunted (ภาพยนตร์)
§  พ.ศ. 2547, Benji: Off the Leash! (ภาพยนตร์)
§  พ.ศ. 2550, Benji: The Barkening (ภาพยนตร์)
เรื่องย่อของภาพยนตร์บางตอน
Benji: Off the Leash! เรื่องย่อ : เบนจี้ เกิดในฟาร์มของ แฮทเซ็ท (คริส เฮนดริค) ผู้มีนิสัยโหดร้ายและความเห็นแก่ได้ แต่ด้วยพี่น้องของเบนจี้เป็นสีดำทั้งหมด ยกเว้นเบนจี้ที่มีสีขนเป็นสีน้ำตาล ด้วยสาเหตุนี้แฮทเซ็ทจึงพยายามนำเบ็นจี้ไปปล่อย แต่ด้วยความรักและความสงสารของคอลบี้ (นิค วิเทเคอร์) ลูกชายของแฮทเซ็ท จึงแอบนำเบ็นจี้มาซ่อนและเลี้ยงดูภายในบ้านไม้หลังหนึ่งในป่า พร้อมสมุนตัวน้อยอย่างเจ้านกมาคอว์ปากมาก เมอร์ลิน คอยทำหน้าที่ดูต้นทาง เพื่อหลบแฮทเซ็ทให้พ้นจากการถูกนำไปปล่อยแต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น วันหนึ่ง เบนจี้พบว่าแม่ของตัวกำลังป่วย เพียงเพราะความเห็นแก่ได้ของแฮทเซ็ท เพื่อต้องการผสมพันธุ์ให้ได้ลูกสุนัขนำมาจำหน่าย โดยไม่คำนึงถึงสุขภาพของสุนัขแม่พันธุ์ ด้วยความรักและผูกพัน เบนจี้จึงหาหนทางเพื่อช่วยแม่ให้รอดพ้นจากความตาย... ส่วนอีกด้านหนึ่งเจ้าหน้าที่เทศกิจ 2 นาย ลิฟวิงสตัน (แรนดัลล์ นิวซัม) และ เชลดอน (ดูแอน สตีเฟ่นส์) ที่พยายามหาหลักฐานเพื่อมาเอาผิดกับแฮทเซ็ท ได้เฝ้าสังเกตุพฤติกรรมอยู่ห่างๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานได้สักที จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทั้งคู่พบว่า อาจต้องร่วมมือกับเบนจี้ เพื่อได้หลักฐานมาเอาผิดกับแฮทเซ็ท แต่ว่างานนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด...
Benji  เรื่องย่อ : เบนจี้ภาพยนตร์ครอบครัวที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของอเมริกา กำกับโดย Joe Camp เรื่องราวของสามีภรรยา ซินดี้ และพอล พร้อมด้วยสุนัขแสนซนอย่าง "เบนจี้" เมื่อเกิดเหตุการณ์ลักพาตัวเด็กมากขึ้น เจ้าหมาน้อยแสนรู้จึงร่วมมือกับตำรวจเพื่อหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ เชิญพบกับภาพยนตร์ที่สามารถชมและอมยิ้ม ได้ทั้งครอบครัว
For the Love of Benji  เรื่องย่อ : เบนจี้ 2 ซึ่งเรื่องราวก็เป็นตอนต่อของภาคที่แล้ว เมื่อซินดี้และพอล ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวประเทศกรีซ พร้อมกับ เบนจี้ สุนัขแสนรู้ เมื่อถึงเอเธนส์ เบนจี้ถูกลักพาตัวไป สร้างความงุนงงให้กับซินดี้ กับ พอล ว่าจะจับตัวเบนจี้ไปทำไม อย่างไรก็ดี ด้วยความรักที่มีต่อสุนัข พวกเขาจึงจ้องตามหาเบนจี้กลับมาให้จงได้
Benji's Very Own Christmas Story เรื่องย่อ :  เบนจี้ คริสต์มาสในวันหยุดสุดพิเศษวันคริสต์มาส ครอบครัวของแพทตี้ กับซินดี้ ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวยุโรปพร้อมกับสุนัขแสนรู้อย่างเบนจี้ และด้วยความซนของมันความสนุก,ความฮาทีจะทำให้คุณต้องอมยิ้ม ภาพยนตร์ที่คนทั่วอเมริกายกให้เป็นภาพยนตร์ประจำครอบครัว จากฝีมือของผู้กำกับต้นตำรับ Joe Camp จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย



Hearty Paws



แนะนำคนรักหนัง(หมา)

ฉบับที่แล้วเราแนะนำหนังหมา(เกี่ยวกับหมา)ไปหลายคนคงไปค้นหาดูกันและแอบเสียน้ำตาไปกับเรื่องราวของมันเรียบร้อยแล้ว  วันนี้ก็เลยขอแนะนำหนังหมาดีๆมาให้เลือกชมกันอีกสักเรื่องแต่ต้องขอบอกก่อนว่าท่านต้องเตรียมทิชชูมาวางไว้ข้างตัวหรือไม่ก็หาเสื้อที่หนาๆเอาไว้หันไปซับน้ำตาซึ่งเมื่อหนังจบบางทีอาจจะบีบน้ำออกจากเสื้อได้เป็นถังๆ เพราะร้องไห้กันตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่องเลยทีเดียว  ภาพยนตร์ Hearty Paws เป็นเรื่องราวของความรักความผูกพันระหว่างคนกับสุนัขที่จนเหมือนกับเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เรื่องย่อ "Hearty Paws" มีอยู่ว่าลูกสุนัขตัวหนึ่งถูก “ชาน” เด็กชายวัย 11 ขวบขโมยมาจากบ้านคนมีฐานะ ใช่ว่าทำเพราะนิสัยเหลือขอ ชานเพียงอยากได้ของขวัญวันเกิดไปให้ "โซอิ" น้องสาววัย 6 ขวบ ซึ่งเขายากจนเกินกว่าจะมีเงินไปซื้อหาอย่างอื่นมาให้น้องได้ หนูน้อยชอบของขวัญจากพี่ชายมากเธอตั้งชื่อสุนัขของเธอว่า "แมอึม" (แปลว่าหัวใจ)จากนั้นทั้ง 3 ชีวิตก็ผูกพันเป็นหนึ่งเดียวโซอิมักจะพาแมอึมไปรอรับพี่ชายกลับจากโรงเรียนที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งที่จริงแล้วเธอไม่ได้รอแค่พี่ชายเพียงคนเดียว แต่ลึกๆ แล้วหนูน้อยยังหวังว่าถ้ามานั่งที่ตรงนั้นทุกวัน แม่ที่ทิ้งเธอและพี่ไปจะหวนกลับคืนมาแต่บ่อยครั้ง ยถากรรมของมนุษย์ ก็ไม่ได้ต่างจากของสุนัขมากนัก เรานำลูกหมามาเลี้ยงเพราะความรักใคร่ต้องตาชั่ววูบ แต่พอมันโตและดูท่าจะไม่น่ารักเหมือนเก่า หลายคนก็เลือกที่จะตัดหางปล่อยวัดไป ในขณะที่ลูกคน บางครั้งก็ถือกำเนิดจากความรักสนุกเพียงชั่วครู่ของพ่อแม่ แต่พอมีสิ่งมีชีวิตน้อยๆ ลืมตาขึ้นมาในโลกจริงๆ บางคนก็เลือกที่ปฏิเสธความรับผิดชอบโดยการทอดทิ้งลูกของตัวไป ชานและโซอิถูกแม่ทิ้งให้อยู่กับลุงป้า อยู่มาวันหนึ่งผู้ใหญ่ทั้งสองก็ทอดทิ้งพวกเขาไปอีก “ตอนที่ฉันไม่อยู่ แกเป็นพี่ชายให้โซอิด้วยนะ” ชานบอกแมอึม ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินเจ้าของเรียกสัตว์เลี้ยงว่า พี่ น้อง หรือลูก อาจจะรู้สึกขบขันเพราะคุณอาจจะไม่ได้มีหัวใจที่รักพวกเขาอย่างจริงจังหรือไม่ก็คงไม่เคยเลี้ยงสัตว์  ขณะเดียวกันคุณมีคนดูแลและคอยห่วงใย แต่สำหรับพวกเขาไม่มีใครการมีสัตว์เลี้ยงสักตัวคอยอยู่ใกล้ ก็เป็นความอบอุ่นที่ไม่ต่างอะไรกับการได้อยู่ร่วมกับคนในครอบครัวเดียวกัน และถึงแม้ว่าชานจะเห็นแมอึมเป็นเหมือนพี่น้อง แต่ในที่สุดเขาก็ทิ้งมันไปไม่ใช่ไม่เจ็บปวด แต่การได้เห็นหน้ามันทำให้เขานึกถึงความสูญเสียทุกอย่างที่ปวดร้าวเกินจะทานทนได้ ชานทิ้งหมาไปหาแม่ที่เมืองหลวง เพราะอย่างน้อยเธอก็น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตสุดท้ายที่ยึดโยงเขาไว้ในโลกใบนี้ได้โดยที่ชานไม่ได้รู้เลยว่าสำหรับแมอึมในตอนนั้น เขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่เกาะเกี่ยวลมหายใจมันไว้ได้เช่น กัน"Hearty Paws" เป็นหนังอีกเรื่องที่จะเรียกรอยยิ้มและน้ำตาพรากๆ จากคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่แมอึมกับชานและโซอิเล่นกันอยู่บนน้ำแข็งอย่างมีความสุขแล้วแมอึมก็ตกลงไปในน้ำแข็งที่ละลายเมื่อโซอิเดินตามไปก็ต้องตกลงไปเสียชีวิตซึ่งหลังจากฉากนี้แล้วก็จะมีอีกหลายฉากที่ต้องทั้งยิ้มและทั้งร้องไห้ ซึ่งนอกจากจะเป็นในส่วนของเรื่องความรักแล้วในหนังเรื่องนี้ยังสะท้อนปัญหาที่หนังนำเสนอประเด็นอื่นควบคู่ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง โดยพวกเขาบางคนเลือกที่จะไปอยู่ในแก๊งขอทาน เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีที่ไป หรือไม่ก็สุขใจอยู่ลึกๆ ที่ถูกหัวหน้าแก๊งเรียกว่า "เราเป็นครอบครัวเดียวกัน" แม้ว่าหัวหน้าครอบครัวจะนิยมหลอกใช้ลูกหลานตัวเอง และให้กินดีอยู่ดีน้อยกว่าสุนัขที่เลี้ยงไว้ก็ตาม"โลกสวยงามจริงๆ ขอทานก็มีวันหยุด" คำพูดของตัวละครตัวหนึ่งยิ่งทำให้หนังมีมิติชวนขบคิดมากขึ้นไปอีก ซึ่งในหนังเรื่องนี้ส่วนมากก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กและหมาเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็น่าจะเป็นตัวละครที่พวกเราชาวรักหมาน่าจะซึ้งตรึงใจไปอีกนาน.....

Quill



แนะนำคนรักหนัง(หมา)

          วันก่อนมีโอกาสได้เปิดกรุสมบัติก็ตกใจน่ะว่าทำไมตัวเองมีแผ่น DVD ที่เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับสุนัขสะสมไว้เป็นจำนวนไม่ใช่น้อย  เลยนึกขึ้นได้ว่าน่าจะลองมาแนะนำให้คุณผู้อ่านได้ไปลองหามาชมกันดูเพราะหนังแต่ละเรื่องจะมีเรื่องราวที่น่าประทับใจสำหรับคนรักสุนัข  ซึ่งตัวเองเวลาจะนั่งดูทีไรเป็นต้องหยิบกระดาษทิชชูมาวางไว้ข้างตัว เพราะพอถึงตอนบทเศร้าทีไรน้ำตามันไม่รู้มาจากไหนแต่ก็ยังคงชอบ  ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่สร้างจากเรื่องจริงของสุนัขตัวหนึ่งซึ่งตั้งแต่เกิดจนตายชะตาชีวิตได้กำหนดให้มันเป็นสุนัขนำทางคนตาบอด  และมันก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีจนกระทั่งเรื่องราวของมันถูกนำมาเขียนเป็นนิยายและสร้างเป็นภาพยนตร์ “Quill” มีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า “โคอิรุ” เป็นภาพยนตร์กึ่งสารคดี  ออกฉายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 13 มีนาคม 2004 และออกจำหน่ายในรูปแบบดีวีดีเมื่อ 17 กันยายน ในปีเดียวกัน กำกับการแสดงโดย โยอิชิ ซาย โดยดัดแปลงจากบทประพันธ์ชื่อ The life of Quill, The seeing-eye dog หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า โมโดเก็น โคอิรุ โนะ อิสโช ผู้เขียนเรื่องคือ มิตซูโกะ วาตานาเบ้ ลูกสาวของ มิตซูรุ วาตานาเบ้ ชายตาบอดเจ้านายของ Quill ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขียนบทภาพยนตร์โดยเรียวเฮอิ อะกิโมโต้ และเคนโกะ อิชิคุรุ
           เรื่องย่อ:: Quill สุนัขพันธุ์ Labrador Retriever ตัวหนึ่ง ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นสัตว์นำทางคนตาบอดตั้งแต่ลืมตาดูโลก ช่วงหนึ่งปีแรก มันถูกเลี้ยงโดยครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งให้ความเอ็นดูมันอย่างดียิ่ง มันใช้ชีวิตวัยเด็กในสวนขนาดย่อมหลังบ้าน วิ่งเล่นสนุกสนาน และศึกษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กันจนกระทั่งวันเกิดครบหนึ่งขวบ มันก็จำต้องจากบ้านน้อยหลังนี้ ไปพักที่โรงเรียนฝึกสุนัข ที่นี่มันได้พัฒนาทักษะต่างๆ มีครูฝึกที่เคี่ยวเข็ญให้มันมีระเบียบวินัย เพราะในอนาคต มันต้องแบกรับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เกินตัว แม้ครูฝึกจะพบว่ามันเป็นสุนัขที่มีพรสวรรค์ แต่ก็ขาดสมาธิในการทำหน้าที่อย่างรุนแรง เขาจึงมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงนิสัยไม่ดีนี้ จนในที่สุด มันก็จบการศึกษา และพร้อมที่จะพบกับคู่หูคนใหม่ ซึ่งก็คือชายตาบอดวัยกลางคนจอมยโส ที่คิดว่าเขาสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้โดยลำพัง แต่ด้วยอุบัติเหตุแม้จะเพียงเล็กน้อย กลับเกิดขึ้นติดๆ กันหลายครั้ง เขาจึงได้รับการแนะนำให้หัดใช้สุนัขนำทาง ก่อนที่จะเกิดอันตรายร้ายแรง จากความสัมพันธ์แบบไม่ค่อยราบรื่นนักในช่วงต้น ก็ค่อยๆ คลี่คลายลง และ กลายเป็นความผูกพัน ตลอดชีวิตที่เหลือของชายตาบอด ทั้งยังรวมถึงครอบครัว ประกอบด้วยภรรยา ลูกชาย และลูกสาว ซึ่งมีช่วงเวลาสุข เศร้า และประทับใจ ก่อนที่ 16 ปีจะผ่านไป สุนัขนำทางตัวนี้ก็ถูกปลดระวาง และย้ายกลับไปสู่บ้านแรกที่มันเคยถูกเลี้ยงแล้วเมื่อถึงวันแห่งการจากกับลมหายใจสุดท้าย ภาพเก่าของชีวิตมันก็หวนกลับมาให้รำลึก แม้จะเป็นชีวิตที่เรียบง่ายแต่ก็เปี่ยมไปด้วยคุณค่าการจากไปอย่างสงบ .....
           หลังการดูหนังเรื่อง  โฮ่ง (ฮับ)  เจ้าตัวเนี้ยซี้  100% จบ ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือ ความรู้สึกซาบซึ้งในความซื่อสัตย์ของเจ้า Quill  ที่มีต่อเจ้าของของมัน มีอยู่ฉากหนึ่งที่เจ้าของต้องเข้าโรงพยาบาลแล้วเจ้า Quill  ต้องถูกส่งกลับไปยังศูนย์ฝึกสุนัขนำทางคนตาบอด ฉากนั้นจะเห็นว่าเจ้าQuill เฝ้ารอเจ้าของมันกลับมารับตัวมันไปอยู่ด้วยโดยเจ้า Quill ไม่สามารถไปเป็นสุนัขนำทางให้คนอื่นได้อีก นอกจากนี้หลายฉากก็แสดงให้เห็นถึงความรักของเจ้า Quill ที่มีต่อเจ้าของ และแสดงให้เห็นความเฉลียวฉลาดของมันในการฝึก ซึ่งนอกเหนือจากความรู้สึกซาบซึ้งแล้ว ความรู้สึกสงสารที่เจ้า Quill แสดงอาการเศร้าซึมเมื่อเจ้าของมันเสียชีวิต ความรู้สึกที่ได้รับจากการดูหนังเรื่องนี้ก็คือ ความรักความผูกพันระหว่างคนและสัตว์เลี้ยง บางครั้งเพื่อนที่ดีที่สุดเวลาที่เราไม่มีใครก็คือ สัตว์เลี้ยงของเราเอง ฉบับหน้าเราจะสรรหาเรื่องราวความน่ารักแบบนี้มาแนะนำให้ชมกันอีกอย่าพลาดน่ะคะ...