วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

ถนนสายหัวใจตอนจบ



ตอนจบ
            หลังจากที่ลูกแก้วพาเจ้าสร้อยเงินกลับบ้าน ลูกแก้วก็นั่งสำรวจร่างกายของเจ้าพวกสี่ขาทุกตัวและสิ่งที่ลูกแก้วได้เจอก็คือรอยแผลเป็นบนตัวของเจ้าเฉาก๊วยซึ่งมันเป็นร่องรอยแบบเดียวกันกับที่เจอบนร่างของเจ้าสร้อยเงินแต่ต่างตรงที่ว่าตอนนี้แผลของเฉาก๊วยมันหายแล้วแต่ก็ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็น  ลูกแก้วนั่งทบทวนเหตุการณ์ในวันนั้นที่ลูกแก้วก็ได้ยินเสียงร้องของเฉาก๊วยและภาพของเจ้าสี่ขาทั้งหลายที่วิ่งหนีกันวุ่นวาย   และเจ้าเฉาก๊วยที่วิ่งหนีหายไปหลบใต้โต๊ะ  แต่วันนั้นลูกแก้วไม่คิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ลูกแก้วก็เลยได้แต่กอดและปลอบใจมันไปตามภาษา ลูกแก้วยังนึกถึงภาพของพวกมันที่กลัวกันจนตัวสั่น และเจ้าเฉาก๊วยก็ไม่สบายไป 2-3 วันโดยที่มันไม่ยอมแตะต้องอาหารในจานเลย  และอีกเช่นกันที่ลูกแก้วคิดว่าเฉาก๊วยมีอาการไม่สบายธรรมดาจึงไม่ยอมกินอาหาร  ทุกสิ่งทุกอย่างมันมาเฉลยตอนจบดีที่มันไม่ใช่ตอนจบของชีวิตใครตัวใดตัวหนึ่ง  ลูกแก้วก็ตัดสินใจย้ายบ้านเหตุผลข้อแรกคือลูกแก้วเกลียดคนที่ทำสุนัขที่ไม่มีทางสู้และเหตุผลอีกข้อก็คือลูกแก้วไม่ต้องการให้ใครมาทำร้ายหัวใจของลูกแก้วอีก  ลูกแก้วพาเจ้าเพื่อนสี่ขาทั้งหมดย้ายไปอยู่บ้านที่จังหวัดนนทบุรี  ซึ่งเป็นสถานที่เกิดของเจ้าเฉาก๊วยหมาดำที่ตอนนี้เป็นสุนัขที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเจ้าชิฟแกะน้อย  และจากวันที่ลูกแก้วเอาเฉาก๊วยมาเลี้ยงมันไม่เคยทำให้ลูกแก้วต้องลำบากใจเลย  เฉาก๊วยเป็นสุนัขเรียบร้อยสุขภาพแข็งแรงนอกจากการฉีดวัคซีนแล้วเฉาก๊วยไม่เคยไม่สบายและการกลับไปครั้งนี้ลูกแก้วไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นการกลับไปสู่การจากลา  เฉาก๊วยมาอยู่ที่บ้านนี้ได้ 2 ปีก็เริ่มมีอาการไม่สบายพาไปหาหมอบอกว่าเฉาก๊วยมีอาการทางระบบประสาทซึ่งน่าจะมีผลมาจากการที่ถูกยิงในครั้งนั้น  ภาพของเฉาก๊วยที่นอนหมุนเป็นวงกลมไม่ยอมกินไม่ยอมนอนทำให้ลูกแก้วรับรู้ได้ว่าเวลาของเฉาก๊วยเหลือน้อยเต็มทนแล้ว  การพยายามยื้อชีวิตด้วยการให้เกลือแร่เพื่อที่จะให้มันมีแรง  ลูกแก้วก็ต้องป้อนให้กินทีละหยดๆ  พร้อมๆกับน้ำตาของลูกแก้วที่ไหลนองเต็มหน้าเวลาที่มองดูว่าเจ้าเฉาก๊วยว่ามันคงจะทรมานมากเพราะมันไถพื้นจนตัวของมันเป็นแผลหลายจุด
            การที่ลูกแก้วย้ายบ้านหนีมาก็เพราะกลัวการสูญเสียแต่มันกลับเป็นสิ่งที่หลีกหนีไม่พ้น  เช้าวันนั้นลูกแก้วจะไปทำงานลูกแก้วตัดใจบอกกับเจ้าเฉาก๊วยว่าถ้าทรมานก็ไปเถอะน่ะ  เพราะถ้าเฉาก๊วยอยู่แม่มีความสุขแต่เฉาก๊วยต้องทุกข์ทรมานแม่ก็ขอยอมตัดใจแล้วลูกแก้วก็ออกไปทำงาน  แต่นั่งรถไปยังไม่ทันถึงที่ทำงานแม่ก็โทรบอกว่าเฉาก๊วยไปแล้ว  ลูกแก้วหูอื้อตาลายไปหมดรีบลงรถแล้วเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านทันที  ภาพที่เห็นหลังลงจากรถคือภาพของเฉาก๊วยที่นอนนิ่งไม่ไหวติงแม้ลูกแก้วจะเรียกเท่าไหร่เฉาก๊วยก็ไม่ลืมตาขึ้นมา  เฉาก๊วยคงหมดห่วงลูกแก้วแล้วจริงๆเพราะเฉาก๊วยนอนตาหลับสนิท  ลูกแก้วนั่งลงกอดร่างของมันอยู่นานกว่าที่จะตั้งสติได้ก็รีบหาเบอร์โทรของวัดที่รับเผาศพสุนัขแต่มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเพราะกี่วัดๆที่ลูกแก้วโทรไปก็ไม่มีเจ้าหน้าที่รับสายเลย สุดท้ายลูกแก้วก็เลยโทรไปที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อขอบริจาคร่างของเฉาก๊วยให้ไปเป็นอาจารย์ใหญ่  นี่คงเป็นสิ่งที่เฉาก๊วยต้องการในวาระสุดท้ายของชีวิตก็ได้  หลังจากที่เฉาก๊วยจากลูกแก้วไปลูกแก้วก็ใส่ใจกับเจ้าพวกสี่ขามากขึ้นทุกวันหลังจากกลับจากทำงานลูกแก้วก็จะทักทายพวกมันทุกตัวและบอกรักพวกมันทุกวัน  และหลังจากนั้นอีกไม่นานลูกแก้วก็ย้ายบ้านอีกครั้งลูกแก้วก็พาพวกมันทุกตัวย้ายมากันหมดทั้งเจ้าชิพ, โจนัส, สร้อยเงิน, สร้อยทอง, สร้อยนาค,และเจ้าอโกโก้หมาหน้าย่น  แม้บ้านใหม่ของลูกแก้วมันจะคับแคบกว่าเดิมก็ตามแต่ลูกแก้วก็ไม่เคยผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับแม่ของพวกมันและลูกแก้วก็ไม่เคยคิดที่จะสร้างภาระให้กับสังคมเหมือนกับหลายคนพอย้ายบ้านก็มักจะปล่อยสุนัขให้อยู่ที่เดิมโดยไม่สนใจว่ามันจะอยู่ยังไงและต่อไปมันจะไปเป็นภาระให้กับผู้อื่น
                      หลังจากที่ลูกแก้วย้ายบ้านมาอยู่บ้านใหม่ได้ปีกว่า  ลูกแก้วจำได้ว่าวันนั้นตอนเช้าลูกแก้วพาเจ้าชีฟไปเดินเล่นหน้าบ้านแต่พอเข้าบ้านเจ้าชิฟมันก็แน่นิ่งไปเฉยๆ  ลูกแก้วกอดมันไว้ในอ้อมอกเสียงลมหายใจที่ขาดหายไปมันทำให้ลูกแก้วเหมือนใจจะขาดลูกแก้วตะโกนเรียกชื่อมันดังๆ และนึกในใจว่าถ้าปาฏิหาริย์มีจริงลูกแก้วขอเพียงให้มันลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง  ลูกแก้วอยากจะบอกมันเป็นครั้งสุดท้ายว่าลูกแก้วรักมันมากแค่ไหน  และคำอธิษฐานของลูกแก้วก็เป็นจริงเพราะเจ้าชิฟมันลืมตาขึ้นมองลูกแก้วเหมือนจะบอกลาแล้วมันก็จากไปจริงๆ  หยดน้ำตาของลูกแก้วไหลลงไปในดวงตาของเจ้าชีฟจนเอ่อล้นออกมาลูกแก้วกอดร่างที่ไร้วิญญาณของมันร้องไห้ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ เมื่อตั้งสติได้ลูกแก้วก็นำร่างของชิฟไปบริจาคเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่อีกเช่นกัน  ตอนนี้หัวใจของลูกแก้วมันเหมือนถนนที่กำลังทอดยาวไปไกลจนไม่เห็นจุดสิ้นสุดของมันและไม่ว่าลูกแก้วจะเปลี่ยนไปเดินเส้นทางใดลูกแก้วก็ยังมั่นใจว่าในถนนสายนี้จะยังคงมีเพื่อนสี่ขาอยู่ในถนนสายหัวใจสายนี้ตลอดเวลา  ลูกแก้วปิดสมุดบันทึกที่อยู่ตรงหน้าพลางหันไปมองเจ้าสมาชิกใหม่ในบ้านที่ตอนนี้มาอยู่กับลูกแก้วได้ 4 เดือนแล้วมันนอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขอยู่บนที่นอนของลูกแก้ว 
จบบริบูรณ์

ถนนสายหัวใจตอนที่11



ตอนที่ 11
                        บนหนทางที่ยาวไกลไม่มีใครที่สามารถที่จะล่วงรู้เหตุการณ์ในวันข้างหน้าได้  เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็คงจะไม่มีใครที่จะรับรู้และได้ลิ้มรสชาติของความเครียดแค้นชิงชัง-ความเจ็บปวดรวดร้าวและความยากจนแสนเข็ญ เพราะทุกคนคงจะรีบเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเองให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ลูกแก้วก็เช่นกันการใช้ชีวิตเฉกเช่นเดิมของลูกแก้วที่คิดว่ามันปกติ  แต่ลูกแก้วหารู้ไม่ว่ามันมีคลื่นลูกใหญ่ที่ปั่นป่วนอยู่ในชีวิตของลูกแก้วและพร้อมที่จะโหมเข้าใส่ประดุจดั่งทะเลคลั่ง  วันนั้นเป็นวันหยุดของลูกแก้วขณะที่กำลังทำความสะอาดที่หลับที่นอนของเจ้าเพื่อนสี่ขา  ลูกแก้วก็ปล่อยให้พวกมันวิ่งเล่นกันตามประสา  ลูกแก้วก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรกระทบเข้ากับวัตถุเสียงดังปรุและเวลาเดียวกันนั้นลูกแก้วก็เห็นเจ้าพวกสี่ขามันวิ่งหาที่หลบกันวุ่นวาย  พร้อมกับที่ลูกแก้วก็ได้ยินเสียงเจ้าเฉาก๋วยร้องเสียงดังแล้วก็วิ่งหายเข้าไปใต้โต๊ะหิน  นาทีนั้นลูกแก้วก็วิ่งตามเจ้าเฉาก๋วยไปแล้วก็มองดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ก็ไม่พบเห็นอะไรนอกจากร่างที่สั่นเทาของเจ้าเฉาก๋วย  ลุกแก้วยังจำแววตาของมันได้มันพยายามที่จะสื่อสารบอกกับลูกแก้วว่ามันเป็นอะไรแต่ลูกแก้วไม่เข้าใจภาษาของมันเลยคิดแค่ว่ามันคงตกใจก็เลยปลอบกันไปตามประสา
            หลังจากนั้นเวลาที่ลูกแก้วปล่อยพวกมันวิ่งเล่นพวกมันจะไม่ไปวิ่งแถวรั้วข้างบ้านและประตูหน้าบ้านเป็นอันขาด  ซึ่งลูกแก้วเองก็สังเกตเห็นความผิดปรกติแต่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีคำถามก็จะต้องมีคำตอบ.....วันนั้นลูกแก้วอยู่บ้านก็เลยปล่อยพวกมันวิ่งเล่นเช่นเคย  ขณะเดียวกันลูกแก้วกำลังยืนมองเจ้าสร้อยเงินที่มองไปที่รั้วข้างบ้านแล้วทันใดนั้นลูกแก้วก็มองเห็นมีวัตถุอะไรบางอย่างวิ่งชนเข้าที่ร่างของเจ้าสร้อยเงินพร้อมกับเสียงร้องอันแสนเจ็บปวดของมัน  ลูกแก้วรีบวิ่งออกไปพร้อมกับที่ลูกแก้วเห็นบานหน้าต่างของเพื่อนบ้านกำลังมีคนเอื้อมมือมาดึงบานหน้าต่างปิดเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ลูกแก้วรีบสำรวจดูตามร่างกายของมันปรากฏว่าลูกแก้วพบว่าช่วงขาหลังของมันมีรอยขนไหม้พร้อมกับมีวงกลมทะลุเข้าไปในเนื้อของมัน  วินาทีนั้นลูกแก้วขาดสติลูกแก้วตะโกนถามไปว่า “หมามันทำอะไรให้ว่ะ” ไม่มีเสียงตอบจากคนสารเลวนั่นเพราะนอกจากจะทำคน(สุนัข)ที่ไม่มีทางสู้แล้ว ยังไม่ยอมรับการกระทำอันชั่วช้าของตัวเองอีก
           วินาทีนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการรักษาชีวิตของเจ้าสร้อยเงินไว้  ลูกแก้วรีบพาเจ้าสร้อยเงินไปยังโรงพยาบาลสัตว์  สิ่งที่พบเมื่อเอ็กซเรย์ก็คือลูกกระสุนปืนที่อยู่ภายในช่องท้องของมันและเฉียดจุดสำคัญไปนิดเดียว  เพราะถ้าเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นจริงลูกแก้วจะไม่มีโอกาสได้รับรู้ถึงความชั่วของคนเลย  คงจะได้แต่พบร่างที่นอนหมดลมหายใจและปริศนาการตายว่ามันเป็นอะไรกันแน่  ภาพเจ้าสร้อยเงินที่นอนอยู่บนเตียงรถเข็นของโรงพยาบาลเป็นที่สะดุดตาใครต่อใคร  เพราะภาพที่เห็นคือน้ำตาที่ไหลออกจากตาทั้งสองข้างของมัน  แต่ทุกหยดน้ำตาของความเจ็บปวดของมันกลับกลายเป็นความแค้นที่ครุกรุ่นอยู่ภายในหัวใจของลูกแก้ว และมันก็ยิ่งเพิ่มปริมาณเพราะเมื่อใครถามและลูกแก้วต้องตอบคำถามพร้อมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง  หลายคนทั้งให้กำลังใจและสาปแช่งคนชั่วที่ทำร้ายเจ้าสร้อยเงิน  ลูกแก้วต้องให้สร้อยเงินนอนที่โรงพยาบาลและนำหลักฐานทั้งฟิลม์เอ็กซเรย์ สำเนาผลการตรวจและใบเสร็จรับเงินของทางโรงพยาบาลไปยังสถานีตำรวจ  และที่นี่ก็ทำให้ลูกแก้วได้รับรู้ว่าชีวิตของคนมีตำแหน่งหน้าที่การงานคอยปกป้องและมีคนคอยช่วยเหลือมันทำให้ชีวิตของคนที่อ่อนแอกว่ามันด้อยค่าแล้วจะไปนับภาษาอะไรกับแค่สุนัขเพียงตัวเดียว.....
                                                                           มนัสนันท์

ถนนสายหัวใจตอนที่10



ตอนที่ 10
             ทุกวันหลังจากเลิกงานพอลูกแก้วก้าวเท้าเข้าเขตประตูรั้วหน้าบ้าน บางครั้งแทบล้มทั้งยืนเพราะว่าพวกมันจะกระโจนใส่ด้วยความดีใจ  แต่พวกมันก็นับว่าเป็นสุนัขที่มีวินัยเพราะว่าหลังจากที่ดีใจสุดๆแล้วพวกมันก็จะเข้าแถวมากระโจนทักทายกันทีละตัวเริ่มจากพี่ใหญ่เจ้าเฉาก๋วย-เจ้าโจนัส จากนั้นก็จะมาเป็นเจ้าสามสีพี่น้องเริ่มจากน้องเล็ก สร้อยเงิน-สร้อยทองและสร้อยนาค จะมีก็แต่เจ้าชิพที่โหลดเตี้ยซะจนลูกแก้วต้องนั่งลงทักทายมันแทน พวกมันผลัดกันกระโจนขึ้นลงจนลูกแก้วต้องออกคำสั่งว่าพอ พวกมันถึงจะกระจัดกระจายแยกย้ายกันออกไปทำธุระส่วนตัวแล้วลูกแก้วถึงจะเข้าในบ้านได้  หลังจากที่พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขได้สักระยะ เมฆหมอกก็เข้ามาปกคลุมชีวิต  บ้านที่พวกเราอยู่กันมานานพวกเราก็อยู่ไม่ได้ซึ่งมันเป็นเหตุผลทางธุรกิจ ลูกแก้วและครอบครัวอีก 5 ชีวิตกับสุนัขอีก 6 ตัวก็เลยต้องอพยพไปอยู่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง แต่ถึงแม้ว่าลูกแก้วจะต้องพบเจออะไรผ่านเข้ามาในชีวิตลูกแก้วก็ไม่เคยมีความคิดว่าจะทอดทิ้งเจ้าเพื่อนสี่ขา วันแรกที่ลูกแก้วออกไปตะเวนหาบ้านเช่า  ลูกแก้วเห็นสุนัขจรจัดมากมายวิ่งกันเกลื่อนกลาด บางตัวยังไม่ถึง 2-3 เดือนด้วยซ้ำตัวเล็กและผอมมากพอลูกแก้วยืนมองก็เห็นมันวิ่งเข้าไปในพงป่าหญ้าข้างทาง ลูกแก้วเห็นภาพเช่นนั้นมันก็ทำให้มีความคิดมากมายเกิดขึ้นในสมอง—ลูกแก้วต้องไม่ท้อขนาดลูกสุนัขตัวเล็กๆมันยังดำรงชีพได้ด้วยตัวเองแล้วลูกแก้วเป็นคนมีมันสมองมีสองมือ  ลูกแก้วจะแพ้มันได้อย่างไรและอีกสิ่งที่ลูกแก้วตั้งใจก็คือต่อไปถ้าลูกแก้วมีหนทางไหนที่จะช่วยเหลือเจ้าเพื่อนร่วมโลกสี่ขานี้ได้ลูกแก้วจะทำลูกแก้วให้สัญญากับตัวเอง เดินคิดไปพลางมองไปพลางลูกแก้วก็เจอป้ายติดประกาศให้เช่าบ้านซึ่งเจ้าของกำลังจะเอาป้ายขึ้นติด  ลูกแก้วรีบตรงเข้าไปสอบถามและในที่สุดลูกแก้วก็ตกลงเช่าบ้านหลังนั้น เมื่อเดินสำรวจบ้านเป็นที่เรียบร้อยลูกแก้วก็กลับมายังบ้านเดิมเพื่อเก็บของเตรียมขนย้าย
            บ้านหลังใหม่นี้เป็นบ้านสองชั้นเนื้อที่  70 ตารางวา  ในตอนนั้นมันเป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดสำหรับครอบครัวและชีวิตของลูกแก้ว  พวกเราย้ายมาอยู่ในบ้านหลังใหม่กันทั้งหมด  วันแรกที่ลูกแก้วขนของขึ้นรถลูกแก้วร้องไห้ไม่ใช่ว่าลูกแก้วไม่อยากย้ายออกไปจากที่เดิม  แต่มันเป็นเพราะว่าที่แห่งนี้ยังมีเพื่อนรักของลูกแก้วอีกมากมายที่ยังอยู่ใต้ผืนดินแห่งนี้ทั้งเจ้าบราวน์-เจ้าปุ๊กลุ๊ก-เจ้าจิงโจ้และเจ้ามอมแต่ลูกแก้วไม่สามารถที่จะพามันไปได้สักตัว..นอกจากความรู้สึก ความรัก และภาพความทรงจำเมื่อครั้งยังมีความสุขอยู่ด้วยกัน  มันเป็นความรู้สึกที่ปวดร้าวยากเกินบรรยายแต่ทุกอย่างมันก็คือสัจธรรม เกิด อยู่ และดับไป  วันนั้น...ลูกแก้วขนของขึ้นรถเที่ยวแรกเสร็จเจ้าชิพมันเหมือนจะรู้มันร้องตามลูกแก้วจนลูกแก้วใจอ่อนยอมพามันไปด้วยเป็นตัวแรก  พอไปถึงบ้านใหม่มันดีใจวิ่งไปมาจนรอบบ้านแล้วลูกแก้วก็ปล่อยให้มันอยู่ในบ้านนี้เป็นคนแรก(ตัวแรก)เพราะว่าลูกแก้วยังต้องไปขนของที่เหลืออยู่อีกแต่คราวนี้เป็นคิวของเจ้าเฉาก๋วยกับเจ้าสร้อยเงินที่ต้องติดรถมายังบ้านใหม่ด้วยแล้วก็ต่อด้วยเจ้าสร้อยทองกับสร้อยนาค  ส่วนเจ้าโจนัสต้องมาเดี่ยวเพราะเจ้าชิพเพื่อนคู่หูหนีไปก่อนหน้าแล้ว  วันเวลาผ่านไปพวกเราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในบ้านหลังนี้  แต่แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ก็พลิกผันให้ลูกแก้วต้องย้ายที่ทำงานมาอยู่ใกล้บ้านทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไป เช้ามาลูกแก้วก็ไปทำงาน สามีก็พาลูกๆไปส่งโรงเรียนพอเย็นเลิกงานกลับบ้านลูกแก้วก็จะมานั่งเล่นกับเพื่อนๆสี่ขา รอแม่ไปรับหลานกลับมาแล้วก็มานั่งกินข้าวด้วยกันซึ่งมันก็น่าจะเป็นชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแล้วสำหรับลูกแก้ว  แต่นับวันกลับมีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นกับลูกแก้วและเจ้าเพื่อนสี่ขา.....
                                                                          มนัสนันท์

ถนนสายหัวใจตอนที่9



ตอนที่ 9
           การดูแลทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นคน-สัตว์-สิ่งของ ล้วนต้องการการดูแลเอาใจใส่เหมือนกับที่ลูกแก้วก็ต้องคอยเป็นคนดูแลทุกอย่างภายในบ้าน  ซึ่งถือเป็นภาระอันหนักอึ้งสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งแต่ลูกแก้วมีเลือดนักสู้อยู่เต็มตัวเพราะลูกแก้วได้ความเข้มแข็งจากแม่  ลูกแก้วเลี้ยงดูลูกๆของลูกแก้วจนเจริญเติบโตไปตามวัย พร้อมกับที่ลูกแก้วก็ไม่เคยทอดทิ้งให้เจ้าเพื่อนสี่ขาต้องออกไปเผชิญชะตากรรมอบู่บนถนนอันอันยาวไกล  ลูกแก้วรับอุปการะเจ้าตัวน้อยทั้งสามตัวไว้ตามที่เคยให้สัญญาไว้กับแม่ของมัน พวกมันน่าสงสารมากกว่าน่ารักตามวัยของสุนัขเพราะว่ามันไม่เคยได้ดูดนมแม่   ไม่เคยได้รู้จักแม่และวิ่งเล่นคลอเคลียกับแม่เหมือนอย่างที่ลูกแก้วเห็นสุนัขตัวอื่น  แต่ลูกแก้วก็มั่นใจว่าพวกมันได้รับความรักจากลูกแก้วไปไม่น้อยกว่าที่แม่ของมันมีให้  ลูกแก้วตั้งชื่อพวกมันทั้งสามตัวว่า สร้อยทอง, สร้อยเงิน, สร้อยนาค ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวไหนเป็นพี่เป็นน้องกันแน่ เพราะว่าตัวมันโตไม่เท่ากันก็เลยตั้งชื่อเรียงมันตามลำดับไหล่...เจ้าตัวโตสุดเป็นตัวผู้สีดำสลับขาวก็ตั้งชื่อให้ว่าสร้อยทอง เจ้าตัวรองลงมาก็ให้ชื่อว่าสร้อยนาคเป็นตัวเมียแต่มีสีเดียวกันกับเจ้าสร้อยทองจนบางทีใครๆก็ว่ามันเป็นสุนัขฝาแฝด(น่าจะจริง) เพราะว่ามันเหมือนกันมากส่วนเจ้าตัวสุดท้ายนั้นก็ให้ชื่อว่าสร้อยเงิน-สร้อยเงินเป็นสุนัขที่มีขนดำแซมน้ำตาลทอง-ขนสวยยาวเงาวับขนหางยาวเป็นพวงไม่เหมือนกับพี่น้องของมันและมันก็เป็นตัวที่สวยที่สุดแต่ก็ตัวเล็กที่สุดด้วยเช่นกัน
            พวกสุนัขก็เหมือนเด็กๆที่ต้องการความรักและความอบอุ่นจากเจ้าของ  เจ้าพวกนี้ก็เช่นกันลูกแก้วยังจำภาพวันที่พวกมันกลับมาถึงบ้านพอลูกแก้วยกลังกระดาษที่ใส่พวกมันกลับมาถึงบ้าน  หลังจากที่ลูกแก้วฝากมันเลี้ยงไว้ที่ร้านหมอจากวันที่แม่มันตายประมาณ 3 อาทิตย์ มันตะเกียกตะกายออกจากลังแล้วก็มาซุกอยู่บนตักกันยั้วเยี้ย พวกมันเหมือนจะรู้ตัวว่ามันคงจะไม่ต้องไปเร่ร่อนอยู่นอกบ้านก็เลยต้องฝากเนื้อฝากตัวกันด้วยการแย่งกันเป็นที่หนึ่งจนลูกแก้วอดขำไม่ได้ที่เห็นมันแย่งกันปีนจนตกหงายท้อง จากสาม  อาทิตย์เป็นสามเดือนพวกมันโตขึ้นเรื่อยๆ ลูกแก้วก็มีภาระหน้าที่ในการทำงานหาเลี้ยงครอบครัวและเจ้าพวกสี่ขาอีก 6 ตัว ลูกแก้วเคยถามพวกมันว่าพวกมันมีความสุขหรือเปล่าที่ได้อยู่กับลูกแก้วและลูกแก้วก็มั่นใจเพราะเมื่อลูกแก้วถามมัน-มันตอบลูกแก้วด้วยการกระโจนใส่และเลียหน้าลูกแก้ว  สำหรับลูกแก้วแล้วลูกแก้วมีความสุขมากที่ได้เห็นพวกมันเติบโตขึ้นทุกวัน และพวกมันก็ตอบแทนลูกแก้วด้วยความรัก  และความซื่อสัตย์  ตอนนี้ลูกแก้วมีความสุขที่สุด พวกมันทั้ง 6 ตัว ทั้งเจ้าชิฟทีมีอัตลักษณ์ประจำตัวคือตัวเตี้ยขนหยิกเหมือนแกะขนขาวราวโอโมที่ตอนนี้กลับกลายเป็นตัวเล็กที่สุดในบ้าน เจ้าเฉาก๋วยหมาดำที่อายุรุ่นราวคราเดียวกันกับเจ้าชิฟ เจ้าโจนัสสุนัขโจรสลัดเพราะมีตาข้างเดียว แล้วก็เจ้าสามสีพี่น้องสร้อยทองที่ตัวใหญ่สุดแต่มันกลับมีพฤติกรรมที่เด็กกว่าใครๆชอบกัดผ้าเวลานอน เจ้าสร้อยนาคหมาฝาแฝดที่ใครๆชอบบอกและไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่กับเจ้าสร้อยเงินที่มีรูปร่างหน้าตาแปลกกว่าพี่น้องเพราะมันเป็นสีดำแซมน้ำตาลทองขนยาวเป็นมันเงามีสีน้ำตาลตรงจมูก  แต่ก็ไม่แปลกสำหรับสุนัขเพราะว่ามันคงจะไม่ได้มีพ่อเดียวกัน  ทุกวันหลังจากกลับจากทำงานลูกแก้วก็จะมานั่งเล่นกับพวกมันสักพักแล้วถึงจะเข้าบ้าน ถ้าใครเดินผ่านไปมาเวลานั้นจะเห็นว่ามีสุนัข 6 ตัว ที่บางตัวนั่งบางตัวนอนเพื่อที่จะรอเจ้าของ-รอหัวใจของมันกลับมา…..
                                                                        มนัสนันท์