ตอนที่
10
ทุกวันหลังจากเลิกงานพอลูกแก้วก้าวเท้าเข้าเขตประตูรั้วหน้าบ้าน
บางครั้งแทบล้มทั้งยืนเพราะว่าพวกมันจะกระโจนใส่ด้วยความดีใจ แต่พวกมันก็นับว่าเป็นสุนัขที่มีวินัยเพราะว่าหลังจากที่ดีใจสุดๆแล้วพวกมันก็จะเข้าแถวมากระโจนทักทายกันทีละตัวเริ่มจากพี่ใหญ่เจ้าเฉาก๋วย-เจ้าโจนัส
จากนั้นก็จะมาเป็นเจ้าสามสีพี่น้องเริ่มจากน้องเล็ก สร้อยเงิน-สร้อยทองและสร้อยนาค
จะมีก็แต่เจ้าชิพที่โหลดเตี้ยซะจนลูกแก้วต้องนั่งลงทักทายมันแทน
พวกมันผลัดกันกระโจนขึ้นลงจนลูกแก้วต้องออกคำสั่งว่าพอ
พวกมันถึงจะกระจัดกระจายแยกย้ายกันออกไปทำธุระส่วนตัวแล้วลูกแก้วถึงจะเข้าในบ้านได้ หลังจากที่พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขได้สักระยะ
เมฆหมอกก็เข้ามาปกคลุมชีวิต
บ้านที่พวกเราอยู่กันมานานพวกเราก็อยู่ไม่ได้ซึ่งมันเป็นเหตุผลทางธุรกิจ
ลูกแก้วและครอบครัวอีก 5 ชีวิตกับสุนัขอีก 6 ตัวก็เลยต้องอพยพไปอยู่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง
แต่ถึงแม้ว่าลูกแก้วจะต้องพบเจออะไรผ่านเข้ามาในชีวิตลูกแก้วก็ไม่เคยมีความคิดว่าจะทอดทิ้งเจ้าเพื่อนสี่ขา
วันแรกที่ลูกแก้วออกไปตะเวนหาบ้านเช่า ลูกแก้วเห็นสุนัขจรจัดมากมายวิ่งกันเกลื่อนกลาด
บางตัวยังไม่ถึง 2-3
เดือนด้วยซ้ำตัวเล็กและผอมมากพอลูกแก้วยืนมองก็เห็นมันวิ่งเข้าไปในพงป่าหญ้าข้างทาง
ลูกแก้วเห็นภาพเช่นนั้นมันก็ทำให้มีความคิดมากมายเกิดขึ้นในสมอง—ลูกแก้วต้องไม่ท้อขนาดลูกสุนัขตัวเล็กๆมันยังดำรงชีพได้ด้วยตัวเองแล้วลูกแก้วเป็นคนมีมันสมองมีสองมือ ลูกแก้วจะแพ้มันได้อย่างไรและอีกสิ่งที่ลูกแก้วตั้งใจก็คือต่อไปถ้าลูกแก้วมีหนทางไหนที่จะช่วยเหลือเจ้าเพื่อนร่วมโลกสี่ขานี้ได้ลูกแก้วจะทำลูกแก้วให้สัญญากับตัวเอง
เดินคิดไปพลางมองไปพลางลูกแก้วก็เจอป้ายติดประกาศให้เช่าบ้านซึ่งเจ้าของกำลังจะเอาป้ายขึ้นติด ลูกแก้วรีบตรงเข้าไปสอบถามและในที่สุดลูกแก้วก็ตกลงเช่าบ้านหลังนั้น
เมื่อเดินสำรวจบ้านเป็นที่เรียบร้อยลูกแก้วก็กลับมายังบ้านเดิมเพื่อเก็บของเตรียมขนย้าย
บ้านหลังใหม่นี้เป็นบ้านสองชั้นเนื้อที่
70 ตารางวา ในตอนนั้นมันเป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดสำหรับครอบครัวและชีวิตของลูกแก้ว พวกเราย้ายมาอยู่ในบ้านหลังใหม่กันทั้งหมด วันแรกที่ลูกแก้วขนของขึ้นรถลูกแก้วร้องไห้ไม่ใช่ว่าลูกแก้วไม่อยากย้ายออกไปจากที่เดิม
แต่มันเป็นเพราะว่าที่แห่งนี้ยังมีเพื่อนรักของลูกแก้วอีกมากมายที่ยังอยู่ใต้ผืนดินแห่งนี้ทั้งเจ้าบราวน์-เจ้าปุ๊กลุ๊ก-เจ้าจิงโจ้และเจ้ามอมแต่ลูกแก้วไม่สามารถที่จะพามันไปได้สักตัว..นอกจากความรู้สึก
ความรัก และภาพความทรงจำเมื่อครั้งยังมีความสุขอยู่ด้วยกัน มันเป็นความรู้สึกที่ปวดร้าวยากเกินบรรยายแต่ทุกอย่างมันก็คือสัจธรรม
เกิด อยู่ และดับไป วันนั้น...ลูกแก้วขนของขึ้นรถเที่ยวแรกเสร็จเจ้าชิพมันเหมือนจะรู้มันร้องตามลูกแก้วจนลูกแก้วใจอ่อนยอมพามันไปด้วยเป็นตัวแรก พอไปถึงบ้านใหม่มันดีใจวิ่งไปมาจนรอบบ้านแล้วลูกแก้วก็ปล่อยให้มันอยู่ในบ้านนี้เป็นคนแรก(ตัวแรก)เพราะว่าลูกแก้วยังต้องไปขนของที่เหลืออยู่อีกแต่คราวนี้เป็นคิวของเจ้าเฉาก๋วยกับเจ้าสร้อยเงินที่ต้องติดรถมายังบ้านใหม่ด้วยแล้วก็ต่อด้วยเจ้าสร้อยทองกับสร้อยนาค ส่วนเจ้าโจนัสต้องมาเดี่ยวเพราะเจ้าชิพเพื่อนคู่หูหนีไปก่อนหน้าแล้ว วันเวลาผ่านไปพวกเราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในบ้านหลังนี้ แต่แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ก็พลิกผันให้ลูกแก้วต้องย้ายที่ทำงานมาอยู่ใกล้บ้านทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไป
เช้ามาลูกแก้วก็ไปทำงาน สามีก็พาลูกๆไปส่งโรงเรียนพอเย็นเลิกงานกลับบ้านลูกแก้วก็จะมานั่งเล่นกับเพื่อนๆสี่ขา
รอแม่ไปรับหลานกลับมาแล้วก็มานั่งกินข้าวด้วยกันซึ่งมันก็น่าจะเป็นชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแล้วสำหรับลูกแก้ว แต่นับวันกลับมีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นกับลูกแก้วและเจ้าเพื่อนสี่ขา.....
มนัสนันท์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น